คานาเล่ ฝรั่งเศสดินแดนแห่งเมืองน้ำหอม หากใครหลายคนอาจไม่เคยทราบว่า ในเมืองบอน์โด Bordeaux ของประเทศนี้เขายังมีขนมลือชื่ออย่างคานาเล่ บทความนี้จะพาทุกคนมาเข้าครัวทำ คานาเล่ ขนมเลื่องชื่อของเมืองไวน์องุ่นกันค่ะ
สูตร คานาเล่ สำหรับส่วนผสมของคานาเล่ มีส่วนผสม ดังต่อไปนี้
- เนยละลาย 40 กรัม
- ไข่เบอร์2 1 ฟอง
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 220 กรัม
- นม 2 ถ้วย
- แป้งขนมปัง 150 กรัม
- วานิลลาฝัก 1 ฝัก (ใช้ชนิดอื่นได้)
- เหล้ารัม 1/4 ถ้วย
วิธีทำ คานาเล่ มีกระบวนการขั้นตอนการทำ ดังต่อไปนี้
เริ่มต้นจากการใส่เนย นม และวานิลลาในหม้อ ต้มให้พอให้น้ำเดือด จากนั้นอ่างผสมใส่ไข่ ไข่แดง และน้ำตาล จากนั้นจึงคนด้วยตะกร้อมือให้พอเข้ากันดี (อย่าตีให้ขึ้นฟอง) แล้วจึงเทส่วนผสมนมเดือด 1/2 ถ้วยลงในส่วนผสมของไข่ จากนั้นจึงคนให้เข้ากัน ใส่แป้งขนมปังลงไปเพื่อคนให้เข้ากัน
จากนั้นให้ใส่นมที่เหลือ ตามด้วยเหล้ารัม แล้วจึงคนให้ส่วนผสมเนียน จากนั้นปิดด้วยแร็ป พักไว้ให้เย็นแล้วนำไปแช่เย็นค้างคืนไว้และก่อนอบนำออกจากตู้เย็นพักให้ได้อุณหภูมิห้อง ต่อมาให้หยอดใส่พิมพ์อย่าให้เต็ม
ให้นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียสนาน 15 นาที จากนั้นลดอุณหภูมิลงที่ 200 องศาเซลเซียส อบต่อประมาณ 35-45 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์) อีกด้วย
ในระหว่างอบขนม ขนมคานาเล่จะขึ้นเกินพิมพ์และจะยุบตัวลงเอง (ไม่ต้องตกใจ) ให้สังเกตดูว่าถ้าขนมขึ้นจนล้นพิมพ์ให้เปิดเตาอบประมาณ 30 วินาทีเพื่อคลายความร้อนลง จากนั้นจึงอบต่อไป หลังจากเมื่ออบจนครบเวลาสังเกตดูว่าหน้าขนมจะมีสีคาราเมลเข้ม นำออกจากเตาอบแล้วคว่ำลงบนตะแกรง ขนมจะหลุดจากพิมพ์ได้ง่ายขึ้นเลยทีเดียว
คานาเล่ เปิดความอร่อยระดับตำนาน- เจาะลึกเมืองกำเนิดคานาเล่ ?
มาดูตำนานของ ขนมไซส์มินิของเมืองน้ำหอมกันบ้างดีกว่า บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักคานาเล่ มาดูกันเลย
สูตรเบเกอรี่ ประวัติ เป็นขนมลือชื่อของเมืองบอร์โด (Bordeaux) โดยขนมนี้แม่ชีเป็นผู้ทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากนำแป้งบาง ๆ มาพันไม้เท้าและจุ่มลงทอดในน้ำมันหมู ต่อมาเมื่อคอนแวนต์ปิดไป กาเนอเลก็ปรับปรุงมาเป็นขนมอบในพิมพ์ทองเหลืองมีลาย ซึ่งก่อนอบจำเป็นต้องทาด้วยขี้ผึ้งผสมเนย อบโดยใช้ไฟแรง จึงทำให้ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลคาราเมล กรอบ แต่เนื้อในนุ่ม ความหอมอร่อยของขนมนี้อยู่ที่การอบให้ได้ตามนี้
แต่เดิมขนมคานาเล่ชนิดนี้อบในพิมพ์ทองเหลืองมีลายซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก แต่ในปัจจุบันเปลี่ยนมาอบในพิมพ์ซิลิโคนแทนเพราะในพิมพ์ซิลิโครจะสามารถดูแลรักษาง่ายกว่า ร้านขายขนมชนิดนี้จะมีเตาอบเฉพาะที่ทำให้ผิวออกมาสีสวยอีกด้วยค่ะ
สำหรับเมืองบอร์โดนี้เป็นเมืองท่าตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองหลักของจังหวัดฌีรงด์และของแคว้นนูแวลากีแตน ซึ่งเป็นจังหวัดมีชื่อเสียงอย่างมากมายจากไร่องุ่นที่พบเห็นในตลอดเส้นทางเข้าสู่เมืองและไวน์ประจำแคว้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยสถานที่ทำไวน์สำคัญ ๆ ที่ผู้รักไวน์ชาวไทยน่าจะรู้จักก็คือ แซ็งเตมีลียง, โปยัก (Pauillac), แซ็งแต็สแต็ฟ (Saint-Estèphe) และโซแตร์น (Sauternes) มีแม่น้ำการอนไหลผ่านและออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกที่เมืองซูลัก-ซูร์-แมร์ และยังมีท่าเรือปอร์เดอลาลูน (Port de la Lune) ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 อีกด้วย
ในเมืองบอร์โดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญภายในเมือง ส่วนมากเป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่อดีตกาล เช่น สิ่งก่อสร้างสมัยโรมันอย่าง Palais Gallien, ถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปที่ La rue Sainte-Catherine, ประตูเมืองสุดคลาสสิกอย่าง Porte Cailhau เป็นต้น
เมืองบอร์โดถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช โดยเดิมมีชื่อว่า “บูร์ดีกาลา” (Burdigala) ในภาษาละติน อีกด้วย
สำหรับการคมนาคมภายในตัวเมือง จะมีรถบัสและรถรางเป็นการคมนาคมที่ใช้ภายในเมืองบอร์โด โดยมีบริษัท TBC (Tram et Bus de la CUB) เป็นผู้ดูแล และผู้โดยสารสามารถเดินทางในราคาเดียวกันทั่วทั้งเมืองบอร์โด ซึ่งทาง TBC ได้เปิดให้บริการรถรางไฟฟ้าไปเมื่อปลายปี ค.ศ. 2003 ด้วยเทคโนโลยี ground-level power supply of the Alimentation par Sol (APS) หรือการจ่ายไฟฟ้าผ่านรางโดยส่งมาจากใต้ดินซึ่งเป็นแห่งแรกของโลก ซึ่งเทคโนโลยีนี้จึงทำให้ไม่ต้องใช้การส่งไฟฟ้าผ่านสายที่โยงอยู่ด้านบนของตัวรถรางแบบที่อื่น แต่หากอยากจะเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียงภายในเขจังหวัดฌีรงด์ ก็สามารถใช้บริการของรถบัส CiTram หรือรถไฟ โดยราคาขึ้นอยู่กับระยะทางหรือโปรโมชั่นตามเทศกาลเลยทีเดียว
คานาเล่ ขนมหวานฝรั่งเศสกับรสชาติที่อร่อยอย่างลงตัว
Canelé (คานาเล่) หนึ่งในขนมหาทานยากของฝรั่งเศส ตัวคานาเล่จะมีด้านนอกกรอบ และมีหอมกลิ่นไหม้อ่อนๆ เนื้อสัมผัสของคานาเล่ด้านในหยุ่นนุ่มละมุนลิ้น และ รสชาติหวาน ทั้งยังหอมจากฝักวานิลลามาดากัสการ์และเหล้ารัม ซึ่งทำสดๆใหม่ วันต่อวันเลยทีเดียว
“Canelé” ถือเป็นขนมเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาหลายร้อยปี ถือกำเนิด ณ เมืองบอร์โดประเทศฝรั่งเศส ขั้นตอนในการทำต้องใช้ความพิถีพิถัน ตั้งแต่การหมักส่วนผสมทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง จนถึงการควบคุมความร้อนเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันสุดขั้วระหว่างผิวชั้นนอกกับเนื้อด้านใน โดยหากอบด้วยความร้อนสูงเกินไปก็จะไหม้เกรียมและจะรับประทานไม่ได้ ถ้าหากความร้อนไม่เพียงพอก็จะไม่ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสตามต้นตำรับ อีกทั้งแม่พิมพ์ยังมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้ “Canelé” เป็นขนมที่หาทานไม่ง่ายนัก
ในประเทศฝรั่งเศสจะนิยมรับประทานแบบเดี่ยวๆ ในลักษณะของหวานหรือจะรับประทานร่วมกับไวน์แดงหรือคอนยัคซึ่งได้รสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี
สำหรับวิธีการอบขนมแบบดั้งเดิมนั้น จะอบโดยการใช้แม่พิมพ์ทองแดง อบในความร้อนสูง 2 ระดับ เพื่อสร้างผิวสัมผัสด้านนอกที่กรอบแต่เนื้อด้านในยังคงความนุ่ม เทคนิคดั้งเดิมคือการใช้ขี้ผึ้ง(Beewax) เคลือบด้านในของแม่พิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขนมไหม้เมื่อเจอกับความร้อนสูง แต่ปัจจุบันมีการใช้แม่พิมพ์ซิลิโคนในการอบเพื่อลดต้นทุน (ทองแดงมีราคาค่อนข้างสูง) โดยเพื่อการอบที่ได้ปริมาณขนมมากขึ้น และใช้เนยผสมกับขี้ผึ้ง(White Oil) หรือเนยเพียงอย่างเดียวในการเคลือบแม่พิมพ์ แต่ผิวสัมผัสของขนมที่ได้จากการอบด้วยแม่พิมพ์ซิลิโคนนั้นก็จะไม่เหมือนกันกับแม่พิมพ์ทองแดงซะทีเดียว ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะสามารถทำออกมาได้ใกล้เคียงเลยก็ตามทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับขนมตัวนี้
และสูตรของการทำคานาเล่ที่ได้นำมาฝากกันในวันนี้ ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าคานาเล่นอกจากจะเปนขนมมือวางอันดับหนึ่งแล้วในการทำยังต้องใส่ใจ ประณีต และพิถะพิถันเพื่อให้ได้รสชาติที่นุ่มละมุนหอมละไมอย่างแน่นอนเลยทีเดียว ถึงได้เป็นขนมประจำเมืองบอร์โด ของชาวน้ำหอมเขาอีกด้วย
เว็บที่น่าสนใจ